นำร่องสู่บ่วง

ครึ๊ม...
เปรี๊ยง!
วิ๊ว...ฟ่าว...ปั๊ง! แปะๆ
ฟ้าคำรามกึกก้อง สายฟ้าฟาดระห่ำ ห่าฝนเม็ดใหญ่ถั่งโถม ต้นไม้ใหญ่ไหวเอน เจอมัจจุราชเปรี้ยงเดียว ลำต้นหนาแตกแบะเป็นสองซีก ประกายไฟลุกวาบ ก่อนกิ่งไม้จะผุโรย เสียงกรอบแกรบก็ดังลั่น พายุพัดหลงฤดูกาลช่างน่ากลัวเสียนัก
บ้านไม้หลังใหญ่ใต้เชิงเขา หลังโดดเดี่ยวตั้งตระหง่านไม่แสยะห่าฝน เย้ยลมฟ้าอากาศไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดๆ อยู่ห่างไกลออกจากชุมชน อยู่ท่ามกลางป่าเขาอันสมบูรณ์สุดแดนเหนือสยาม ไร้ผู้คนสัญจร ไร้การสำรวจตรวจพบ หรือบางทีอาจเป็นพื้นที่ผู้คนไม่เคยล่วงรู้ว่ามีเลยก็ได้ เปรียบดั่งวิมานฉิมพลี คฤหาสน์สีน้ำตาลมีป่าเขาสีเขียวเป็นภาพพื้นหลัง ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งล้อมรอบคฤหาสน์ จนไม่มีหนทางให้รถได้คดเคี้ยวถึงบ้านหลังใหญ่ดังกล่าวได้
พายุโหมกระหน่ำจวนจะบ้าคลั่ง ห่าซัดใส่บ้านหลังเดี่ยว หากก็ไม่มีผล สงบและก็ไร้ความเคลื่อนไหว ไม่มีการผุพังลอยละลิ่ว กำบังปลิวหลังคารั่วแต่อย่างใด บ้านหลังไม้แสนยโส ไม่เหลียวหลังแลกับพายุสักกระผีก
สาดฟ้าฟาดใส่ราวกลั่นแกล้ง แปลบปลาบก้องพนา ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สว่างจ้าบนฟ้าคร่าลงพสุธา ความทะมึนก็โถมเข้ามา เพียงปราดเดียวก็สร้างมนตรา คฤหาสน์เรือนโตก็เลือนหายไป หลงเหลือไว้แต่ไพรพนาสีเขียวครึ้ม และฟ้าฝนผู้ย่ำยีอย่างไร้ปรานี
เตียงใหญ่ใจกลางห้อง ขาเตียงกระทบพื้นดังกึกๆ สองร่างพันตู บุรุษเพศขับเคลื่อนอยู่ด้านบน อิสตรีร่างเล็กอยู่ด้านล่างคอยเป็นฐานรองรับ
“โอ๊ย อ๊ะ อ๊ะ เบาๆค่ะ โอ๊ย...” ร่างเล็กร้องระส่ำเจ็บเจียดตาย ยุรยาตรติดจรวดทำให้ร้องเสียงหลง ความเสน่หาแทบดับชนม์จมม้วยมรณา
“ใกล้แล้วที่รัก โอโอ๊ย...น้องทิวาของพี่” บุรุษหน้าเงยแหงน ตัวยันสุดกำลัง กล้ามเนื้อบิดไขว้เกร็งจนเป็นกล้าม เหงื่อกาฬเปียกโชก ขาชันตั้งฉาก มือหน้าบีบลำคอระหงคลายความเสียว พ่นเชื้อสายพันธุ์บ่มเพาะข้างในรัง ปล่อยออกสุดหยาดหยดก่อนถอนแก่นกาย คลายมือพลิกตัวลงนอนเคียงข้างร่างอิสตรีสุขสมอุรา
พุดซ้อนก้าวลุกจากเตียง กายสั่นไหว สูญเสียแรงแทบกระอัก เกือบสองชั่วโมง ร่างโดนทารุณด้วยพิษเสน่หา เธอโดนกระทำย่ำยีมานานแทบไม่รู้วันเดือนปี เป็นขุมนรกที่มิอาจหลุดพ้นออกไปได้ เธอพาร่างกายอันอ่อนล้าเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวราดรดทั้งตัว ร่างกายอันเปื้อนราคีพอล้างก็สะอาดได้ แต่ใจเล่ามันโลกีย์มืดมนจะเป็นอย่างอื่นเสียก็ยาก มีเพียงเขาที่ยึดไว้จนหม่นหมอง หัวใจสีดำ
เกือบทุกค่ำคืนที่เขานอนกับเธอ เธอเป็นได้แค่ตัวแทน ตัวแทนของคนที่เขามิอาจคว้ามาได้ เขาไม่เคยเพรียกหาเธอ เธอคือพุดซ้อน ไม่ใช่น้องทิวาของเขา เขาเอ่ยทีไรมันแสนเจ็บปวดกระดองใจ คว้าได้แค่ตัวหัวใจเล่าละล่องไปที่ใด มันสุดแสนของความปวดร้าว เจอไฟนรกสุมทรวงมิวายเจอหอกกระทุ้งไล่จี้
คืนนี้เธอโชคดี เมื่อเขาเมาเธอจึงได้รับศึกหนักแค่รอบเดียว รอบเดียวสุดจะยาวนาน พอสมดังปองก็ลำพองอุรา มันน่านัก เธออยากจะออกไปจากนรกขุมนี้ นรกของเขา ปรมินทร์ ผู้มีเพียงนามให้เล่าลือไร้นามสกุล
พุดซ้อน ซ่อนกลิ่น เป็นหญิงสาวชาวไร่ชาวสวน ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร ปลูกผลไม้ตามฤดูกาล เช่น เงาะ ทุเรียน ลำไย ขนุน มะม่วง กล้วยหอม ทว่าพอขาดทุนกำไรหด ก็ไม่พอค่าใช้จ่าย ในแต่ละปีราคาปุ๋ยสูงท่วมหัว ฝนตกไม่ต้องฤดูกาล สรรพสิ่งเปลี่ยนไหว ไม่เป็นตามแผน ทุกอย่างก็แปรปรวน จนต้องแบกกู้เขาไปทั่ว หนี้ที่เพิ่มขึ้นรายได้เริ่มหดหาย ภาระที่ตามมาคือผัดวันประกันพรุ่งกับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้รัฐพอทนแต่มาเจอเจ้าหนี้นอกระบบดอกสูงต้องขอเผ่น ติดใครไม่ว่า แต่มาติดหนี้ผู้มีอิทธิพลมันช่างน่าเกรงนัก พวกนี้กฎหมายหรือจะสู้กฎหมู่ ไม่มีให้ก็ต้องเจอดี บิดามารดาจนหนทางถึงต้องเอาลูกสาวอย่างเธอใส่พานถวายเป็นเบี้ยขัด
วันคืนที่คิดว่าชีวิตเลวร้ายที่สุด เธอถูกส่งตัวให้ผู้มีอิทธิพล เหมือนโชคเข้าข้างเธอหลบหนีปิดหูหลับตาวิ่งทะเล่อเข้าสู่ป่าดงดิบ ถูกเสือจับกินดีกว่าถูกจองจำใต้กรงเล็บผู้มีอิทธิพล เธอเพียงนึกไม่คาดฝันว่าจะเจอะเสือตัวจริง เสือเป็นสัตว์ดุร้าย เจอเสือคำรามใส่มันเดินเข้าหาช้าๆทำท่าตะล่อมเหยื่ออย่างนักล่าฝีมือฉมัง เธอผู้โดดเดี่ยวไร้ชะตาต่อสู้ก้มตัวหมอบน้อมรับกรรม เสือคาบกินก็ดีเสีย ชีวิตที่แสนระทมควรจบลงเสีย เมื่อนึกว่าบิดามารดาไม่รัก ไม่คิดจะดูดำดูแดงชีวาสิ้นก็ไม่เสียดาย
ทว่าทุกอย่างเงียบสงบ ไร้การสยบ พุดซ้อนเงยหน้ามองตรงตำแหน่งเสือ ไร้ร่องรอยเสือ เบนสายตาลงอีกนิด ก็เจอะลายพรางพาดเหลืองแน่นิ่งทับหญ้าโพรงจนราบ ไม่แน่ว่าสลบหรือไร้วิญญาณ พุดซ้อนเงยหน้าประสบก็พบขาสองคู่ดำทะมึน เธอผงะใจเต้นระส่ำ สิงสาราสัตว์ก็ว่าน่าหวาดแล้ว เจอเงาดำทะมึนเธอก็ไม่คิดเป็นอย่างอื่น ป่าละเมาะอุดมสมบูรณ์ต้องมีผีป่าผีเขาเป็นแน่ นึกใจกล้าจึงแอบหรี่ตาขึ้นไปมอง ขาดำที่ว่าเป็นเพียงกางเกงสีดำเท่านั้นเอง ใจชื้นขึ้นนิด กล้าเผชิญสูงขึ้นก็เห็นเป็นชายร่างโปร่งผิวขาวชุดดำเนื้อหนัง
“คุณเป็นคนใช่ไหม” เป็นประโยคแรกที่พุดซ้อนทักชายแปลกหน้านามว่าปรมินทร์
ดวงตาน้ำเงินวาว ปากแดงสด หน้าขาว ยิ้มแสยะ ผมน้ำตาลประกายทองทรงรากไทรคลอคอและปรกหน้าเกือบจรดคิ้ว ขับให้ใบหน้าขาวจัดดูคมคาย เคราอ่อนน้ำตาลเกือบรอบหน้า แต่ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ดูเป็นชายโฉดป่าเถื่อนแต่อย่างใด หากมันดูลึกลับน่าค้นหามากกว่า
“เธอคิดอย่างไรล่ะ สาวน้อย” น้ำเสียงค่อนเย็นเอ่ยเรียบ ตาประกายยิ้มให้กับร่างบางที่คู้ตัวสั่นงันงก
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย” เขาในยามนั้นเหมือนเทพบุตรที่จุติลงมาช่วยเธอให้พ้นภยันตรายรอดจากปากเสือ พุดซ้อนไว้ใจคนตรงหน้าสนิทใจ
“ได้สิทธิ์เดี๋ยวนี้” ปรมินทร์นิ้มเพริศแพรว
และนั่นก็ทำให้พุดซ้อนรู้ว่า เธอ หนีเสือปะจระเข้ให้แล้ว ต้องตกเป็นสถานะ จำเลย ทาส นางบำเรอ เมียเก็บไปโดยปริยาย โธ่ ชีวิตของเด็กสาวเพิ่งบรรลุนิติภาวะมาหยกๆก็หมดอิสระเสียแล้ว พุดซ้อน สาวน้อยวัย 23 ปี เธอมองว่าชีวิตของตัวเองดูไร้แก่นสาร มีเพียงนั่งๆนอนๆคอยบริการให้เขาเพียงเท่านั้น เพียรอยากจะหนี ทว่าเธอก็ไม่เคยพบทางออก วิ่งเตลิดออกทางนั้นก็ทะลุเข้าทางนี้ เหมือนอยู่ในเขาวงกต เธอไม่เคยรู้จักทางออกเลย เคยขอร้อง หากก็ไม่เคยได้รับความปรานี

​  ขออนุญาตลบตอนเก่า แล้วเริ่มต้นตอนเดิม (แบบรีรัน) ปรับเนื้อหาสักนิด เพราะเรื่องเดิมออกทะเลไปไกล คิดเห็นยังไง แสดงความคิดเห็นบอกกันได้เสมอนะคะ
หน้าหลัก          หน้าถัดไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เนตรสวรรค์สาปรัก

รักร้ายในโลกันตร์

ผลึกพยาบาท

บ่วง 1

บ่วง 2

จัดโปรโมชั่น E-book มาอีกแล้วค่ะ