บ่วง 1


“ขึ้นมาสายนะ” เสียงทรงพลังทักทุ้ม เมื่อเห็นร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอน
“ดิฉันฝึกทำอาหารไทยอยู่ค่ะ”
“ก็ดี หวังว่าฝีมือเธอจะทำให้แขกคนสำคัญของฉันถูกใจ”
“ดิฉันก็หวังเช่นนั้นค่ะ มันอาจจะไม่เลิศรสแต่หวังว่าจะถูกใจแขกของคุณ”
“ได้ทีประชดเชียว เอานี่ เอาไปสวมเดี๋ยวนี้” ปรมินทร์โยนถุงกระดาษให้พลางสั่ง หญิงสาวแหวกถุงถึงกับเหลือบจ้อง ดูเถอะชุดซีทรูเนื้อบางยั่วสวาทอีกแล้ว
“ห้ามเถียง ห้ามขัด เธอต้องทำตามคำสั่งฉันเท่านั้น ยัยเด็กเมื่อวานซืน” พอเขาขัดเจตนารมณ์พุดซ้อนก็จำใจหุนหันเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ วันนี้กับวันวานมันก็ไม่ต่างกันนัก
ไม่นานมานี้ เธอเหยียบเข้ามาในอาณาเขตนี้ได้ไม่ถึงชั่วโมง ตัวเธอก็ถูกลากไปขัดสีฉวีวรรณทั่วทั้งตัวตามคำสั่งนายจ้าง ประทินผิวบำรุงผิวด้วยกลิ่นกำยานและน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ มีบรรดาป้าๆสี่คนใบหน้าเลือนรางในสายตาเธอมารุมมาทึ้งตัวเธออย่างกับฝูงแร้งทึ้งเนื้อศพ อาบน้ำนมเสร็จก็ถูกจัดแต่งชุดวาบหวิวที่สุดในชีวิต ชุดราตรีผ้าลาตินแบบลื่นสีเหลือง เป็นส่ายเดี่ยวกระโปร่งพลิ้วยาวเสมอเข่าปราศจากอาภรณ์ชิ้นเล็กอันปกปิดบนและล่าง เป็นชุดนุ่งน้อยห่มน้อย เธอไม่ใคร่จะชอบนัก แต่ทำเพราะตัวเองตกเป็นลูกหนี้จำเป็น ต้องจำใจเขาจะทำจะให้ใส่อะไรก็ยอมไปก่อน เป็นหนี้ชีวิตที่เขาช่วยให้พ้นปากเสือ
ถัดมาพุดซ้อนก็ถูกยกเคลื่อนที่โดยป้าทั้งสี่ จับเธอมานั่งตบแต่งตรงโต๊ะอาหารยามเย็นสุดอลังการในห้องหนึ่ง มีเทียนหอมลายดอกไม้จุดตั้งรอบห้องฟุ้งกรุ่นละมุน ห้องโถงกว้างประดับตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ แสงเทียนสลัว ทั้งห้องดูเป็นสีส้มหม่น หากเป็นคู่รักคงจะโรแมนติกน่าดู แต่ไม่ใช่ เธอก็แค่สิ่งของเปรียบเปรยเหมือนหุ่นตุ๊กตาตัวหนึ่ง
“มาแล้วรึสาวน้อย ถูกจับแต่งตัวก็ดูดีขึ้นนะ ไม่เหลือคราบเด็กมอมแมมให้เห็นเลย สงสัยต้องเพิ่มเบี้ยให้แม่บ้านแล้ว เป็นไงพอจะอยู่ได้ไหม” ปรมินทร์ชมเชยสินค้าด้วยแววตาวาววับ นานๆทีจะได้เสพสาวน้อย คราวนี้แหละเขาจะชิมละเลียดให้คุ้มค่า
“ค่ะ”
“ปากพูดได้แค่นั้นเหรอ”
“ท่านอยากให้ฉันพูดอะไรคะ”
“เรียกท่านดูแก่ไป เรียกฉันว่า คุณเปรม ก็พอ”
“ค่ะคุณเปรม”
“ทานสิ ฉันเตรียมอาหารพวกนี้ให้เธอโดยเฉพาะ พอจะทานได้หรือเปล่า”
“ก็พอได้ค่ะ ดิฉันทานอะไรก็ได้”
“ไวน์ล่ะสาวน้อย ดื่มได้หรือเปล่า”
“ดิฉันชื่อพุดซ้อนค่ะ เรียกพุดซ้อนดีกว่านะคะ”
“โอเคพุดซ้อน มันไม่คุ้นปาก ฉันเรียกเธอว่าสาวน้อยดีกว่า ว่าไงดื่มเป็นไหม”
“ไม่เป็นค่ะ ดิฉันไม่ชอบแอลกอฮอล์ค่ะ”
“อนามัยซะด้วย ฉันจะสอนเอง ไวน์ไม่เมาง่ายๆหรอกนะ ถ้ารู้จักดื่ม แค่ยกมันขึ้นมาจิบแตะลิ้นเข้าไปนิดอย่างนี้ แล้วใช้ลิ้นคว้านละเลียบก่อนจะกลืน มันได้รสชาติมากเลยล่ะสาวน้อย แค่ค่อยๆ” ปรมินทร์เสี้ยมสอน นิ้วก็คีบก้านคอแก้วไวน์หลังจากที่ชิมเสร็จ
พุดซ้อนลองทำตามชายหนุ่ม มันคือครั้งแรกกับอาหารหรู เธอไม่เคยมาก่อน แต่ก็พอได้เห็น สาวเรียนเกษตรอย่างเธอห่างไกลกับมารยาทสังคมชั้นสูงอย่างสิ้นเชิง มันอิหลักอิเหลื่อเก้กังไปหมด ทว่าเธอก็ยอมทำตามเขา ลิ้นแตะน้ำสีแดงตาหยีปากเบ้ ความฝาดลงคอใบหน้าแดงก่ำทันตา คนที่นั่งตรงข้ามถึงกับหลุดขำ
“ค่อยๆสาวน้อย หากไม่ชอบก็วางเถอะ อย่าฝืน กินนี้ดีกว่าสเต็ก เคยกินหรือเปล่า”
“ค่ะ” พุดซ้อนเอ่ยรับ ทำไมเธอจะไม่เคย สเต็กจานไม่ถึงร้อยเธอทานออกจะบ่อย ตามร้านอาหารที่อยู่ใกล้สถาบันการศึกษาที่เคยเล่าเรียน
“คงจับมีดเป็นนะ อย่าให้ฉันได้สอนอีกล่ะ”
“พอเป็นค่ะ หนูไม่ได้บ้านนอกจนไม่รู้จักวิธีการกินสเต็ก”
“ก็ดี แทนตัวเองว่าหนูก็ดีนะ ฉันชอบ ดูกันเองกว่าดิฉันตั้งเยอะ” เขาพูดอ่อนโยน เหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก สายตาก็เพ่งมองจับสังเกตกิริยาท่าทางของสาวน้อยตรงหน้าอย่างไม่วางตา รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายอดีตภรรยาของเขา แค่ภายนอกเท่านั้น ภายในนั่นหรือต่างกันสิ้นเชิง ทิวาลัย อ่อนหวาน อ่อนโยน พูดเพราะ ยิ้มง่าย มารยาทอ่อนช้อยกว่าหญิงตรงหน้าเยอะ หากทิวาลัยยังอยู่เธอก็จะอายุ 35 ปี ส่วนเขา 38 ปี
การพูดคุยเริ่มมีความเป็นกันเอง จากที่ประหม่าก็เริ่มผ่อนคลายได้เป็นตัวของตัวเอง พุดซ้อนเริ่มไว้วางใจ มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกดี เขาไม่ได้พูดเล่นแง่เล่นง่ามเชิงส่อเสียดชู้สาวกับเธอในขณะที่รับประทานอาหารร่วมกัน มันเป็นมื้อครั้งแรกและครั้งเดียวที่อร่อยที่สุด เขาชวนเธอคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเธอ ประมาณว่า เธอวิ่งเข้าป่าทำไม หนีอะไรมา เธอเรียนอยู่ไหน มีเพื่อนเยอะหรือเปล่า มีครอบครัวไหม แล้วเธอก็จะแลกเปลี่ยนคำถามกับเขาไปบ้าง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี จนทำให้เธอลืมเรื่องชุดที่ตัวเองสวมอยู่ ลืมความประมาทก่อนหน้าไปชั่วขณะ ความหวาดกลัวกับกรงเล็บเสือก็มลายหายไปเพียงครู่ เธอรู้สึกคุ้นเคยไว้ใจเขาเหมือนรู้จักมานาน
“อิ่มแล้ว เรามาเต้นรำย่อยอาหารกันเถอะ” ปรมินทร์เอ่ยชวนตาก็หวามไหว แค่มองเห็นเต้ากลมกลึงผ่านเนื้อผ้าบางก็ชวนอยากให้สัมผัสนวดคลึง คิดแล้วคึกร้อนนักแล ทว่าหญิงสาวไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้สายตาคู่นั้น
“ฉันเต้นไม่เป็นค่ะ” จาก ดิฉัน กลายเป็น ฉัน ทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์นี้ราบรื่นผ่านไปได้ดี
“เดี๋ยวสอน” รู้สึกสนุกกับดอกไม้แรกแย้ม ชีวิตของหญิงสาวยังคงงดงามราวกับดอกไม้สีขาวหอมบริสุทธิ์ที่มีไว้เพื่อถวายพระ เป็นของสูงไร้มลทิน ทั้งชีวิตเธอเป็นคนที่สองรองจากทิวาลัยที่ทำให้ชีวิตของเขาซาบซ่านตื่นตัว แล้วจู่ๆความซาบซ่านก็แล่นพล่านกระตุกใจให้เต้นถี่
ปรมินทร์สั่งให้หญิงสาวจับไหล่ตน มือเขาแตะเอวบาง คนเอวบางสะดุ้งโหยง ตาผวา ปากเม้มเข้าหากันอยากจะผละออก เป็นครั้งแรกที่โดนชายอื่นที่ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายแตะต้องตัว
“กลัวหรือ” ปรมินทร์ลอบถามเมื่อเห็นอาการตื่นตูมของหญิงสาว มันช่างเอ็นดูยวนให้ลิ้มลองเสียเหลือเกิน
“ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”
“ครั้งแรกก็อย่างนี้ อะไรที่เพิ่งจะเคยมันมักจะตื่นเต้นเสมอ” นัยน์ตากรุ่มกริ่ม ราวราชสีห์เห็นเหยื่ออันโอชะก็มิปาน
“ค่ะ ขอบคุณคุณมากค่ะ ถ้าคุณไม่เข้ามาช่วย ฉันอาจจะกลายเป็นศพเหลือเพียงโครงกระดูกไปแล้ว ขอบคุณเสื้อผ้าและที่พักด้วยนะคะ ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากตอบแทนพระคุณของคุณมากกว่านี้”
“ตอบแทนตอนนี้สิ เธอเป็นหนี้ชีวิตฉันนะสาวน้อย” ดวงตาน้ำเงินพราวแพรวรอเขมือบเหยื่อ คำพูดทุ้มหวานออกจะเย็นยะเยือกเสมอ ทำให้พุดซ้อนขนลุกซู่แปลกๆเกือบทุกครั้ง
“ตอบแทนยังไงคะ”
“มาอยู่กับฉันสิ ถ้าเธอกลับไป ฉันว่าไม่มีใครต้อนรับเธอ”
“ดิฉันเป็นห่วงพวกเขา” พวกเขาที่พุดซ้อนเอ่ยถึงคือบิดามารดา ถ้าหากรู้ว่าเธอหนี พวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างนะ เจ้าหนี้ไม่ธรรมดา นอกจากรวยเกือบจะล้นฟ้าแล้ว ยังมีมหาอำนาจใหญ่สุดในแถบนั้นอีก คนพวกนั้นอาจจะทำร้ายลูกหนี้อย่างคนในครอบครัวเธอแล้วก็ได้
“ถ้าเธอมาอยู่กับฉัน เธอและคนของเธอจะหลุดพ้นจากพวกนั้น ข้อเสนอนี้สนใจหรือเปล่า”
“คุณต้องการอะไรกันแน่ ฉันก็นึกว่าคุณเป็นคนดี ที่ไหนได้ คุณก็ไม่ต่างจากพวกนั้น”
“โลกมันโหดร้ายนะสาวน้อย ช่วยอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนไม่มีอยู่จริงหรอก ในกรณีของเธอ ฉันคือคนที่จะมาเปลี่ยนโชคชะตาของเธอ และเธอก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้”
“คุณเป็นใคร”
“ฉันคือคนที่ช่วยเธอได้ทุกอย่าง”
“ฉันไม่ต้องการ”
“คิดก่อนพูดเถอะ เธอเข้ามาแล้วอย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆเลย เธอจะต้องรับข้อเสนอของฉัน”
“ฉันจะออกไปจากที่นี่” พุดซ้อนผละตัวออกจากการโอบกอดของอีกฝ่าย เธอไม่ชอบคำพูดที่มีนัยแอบแฝงนั่น
“เธอรู้ไหมว่าเสือมันตายได้ยังไง” ปรมินทร์เอ่ยขึ้น ในจังหวะที่หญิงสาวสะบัดหน้าหันหลังจะเดินหนี
“มันไม่ได้ถูกอาวุธหรือของมีคมหรอก ของพรรค์นั้นกะโหลกกะลา เธอรู้จักมนตราไหม กลางป่าดง มีแต่สัตว์ดุร้ายอย่างนี้ เธอว่าฉันอยู่รอดเพราะอะไร ถ้าไม่อยากมีชีวิตแบบเสือตัวนั้น เธอก็ควรรับข้อเสนอนี้ เป็นคนของฉัน ใครๆก็ปรารถนาฉันทั้งนั้น เธอควรเปิดใจนะ เพื่อความสงบสุขของคนในครอบครัวเธอ”
“คุณทำอะไรเสือกันแน่” พุดซ้อนถามระแวง ก็เขาพูดกำกวมแปลกๆ
“ฉันก็แค่ทำอย่างนี้” ปรมินทร์ยกมือขวาขึ้นแล้วชี้มาที่เทียนหอมในแก้ว เพล้ง! แก้วเทียนหอมแต่กระจายไฟในเปลวเทียนลามโต๊ะแค่พริบเดียวก็ดับมอดลงไป
“คุณทำได้ยังไง”
“หัตถ์สังหาร ถ้าเธอไม่อยากเป็นศพก็จงรับข้อเสนอของฉัน”
“คุณแค่ใช้กลทางวิทยาศาสตร์มาหลอกฉัน อย่าขู่ฉันให้ยาก ฉันโตแล้วไม่ใช่เด็กอนุบาล”
“ลืมไปว่าโลกพัฒนาไปไกลเสียแล้ว โอเคสาวน้อย มันแค่กลมายา แต่กลของฉันมันสามารถฆ่าชีวิตใครได้ ฉันไม่ได้ขู่นะ ฉันพูดจริง แล้วเธอก็เห็นมาแล้ว”
“คุณจะไม่ฆ่าฉันใช่ไหม”
“ใช่ ไม่ฆ่า ถ้าเธอรับข้อเสนอ ข้อเสนอนี้เธอมีได้แต่ได้นะ ชีวิตเธอจะได้พ้นจากความลำบาก”
“ถ้าดิฉันรับข้อเสนอของคุณ ฉันจะรอดปลอดภัย ครอบครัวของดิฉันจะสงบสุขใช่ไหมคะ”
“สาวน้อยทุกอย่างอยู่ที่เธอ เธอทำให้ฉันพอใจมากเท่าไร มันก็จะดีต่อเธอและคนของเธอมากเท่านั้น เป็นคนของฉันเถอะ”
“คุณมีผู้หญิงเยอะแค่ไหนคะ”
“ฉันเป็นพ่อม่ายเนื้อหอม คิดดูคนอย่างฉันผู้หญิงปรารถนากันแค่ไหน”
“มีเวลากำหนดหรือเปล่าคะ ถ้าฉันเป็นคนของคุณ มีเวลาสิ้นสุดหรือเปล่า”
“คนอย่างเธอ ฉันอาจจะเบื่อง่ายกว่าใครก็ได้ ไม่มากกว่าใครหรอก แค่เธอยอมฉัน”
“ถ้าข้อเสนอของคุณทำให้คนของฉันสบายขึ้น ฉันยินดีจะรับค่ะ หวังว่าคุณจะรักษาสัจจะ” ถึงแม้แค่ อาจจะ ทว่าพุดซ้อนก็ใจชื้น
ความลำบากที่เธอเคยเผชิญ เกิดจากความลำเค็ญในครอบครัว บิดามารดาที่ขยันเป็นเกลียว คุณย่าที่เจ็บออดๆแอดๆตามวัย น้องสาวที่ต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เธอจบระดับปริญญาตรีด้วยหยาดเหงื่อส่งเสียตัวเองร่ำเรียน ไม่มีใครแยแสเธอ นอกเสียจากคุณย่า ท่านเมตตาเธอกว่าใคร บิดามารดาไม่สนใจบุตรคนโตอย่างเธอหรอก น่าน้อยเนื้อตำใจทว่าเธอก็ได้แต่ทนกล้ำกลืน พอจบการศึกษาเธอว่าจะเอาความรู้ที่เรียนมาช่วยงานบิดามารดา แต่คำสั่งราวสายฟ้าฟาด เธอเป็นตัวแทนเป็นดอกเบี้ยชดใช้หนี้หลักล้าน คำปฏิเสธที่ไร้ผล ในวันที่ถูกส่งตัว เธอจึงได้คิดหนีเอาตัวรอด รอดจากผู้มีอิทธิพลแล้วแต่ก็ต้องมาติดกับมหาเศรษฐีแสนลึกลับแทน
“คุณจะชดใช้หนี้แทนพวกเราหรือคะ”
“ใช่ หลักล้านแค่ขี้ผง ครอบครัวเธอจะได้รับโชคลาภอย่างไม่คาดคิด”
“ฉันจะเป็นคนของคุณ”
“ต้องอย่างนี้สาวน้อย มาเถอะ มาเต้นรำกันต่อ”
ปรมินทร์เอื้อมหยิบรีโมทแล้วกดปุ่มฟังก์ชั่นหนึ่ง ประเดี๋ยวเพลงก็บรรเลงขึ้นอย่างใจนึก เพลงหวานจังหวะช้าเหมาะกับการสะบัดลีลาให้พลิ้วไหวไปตามจังหวะทำนอง
“แค่เดินตามฉันเท่านั้นสาวน้อย เริ่มเลยนะ ก้าวเท้าเดินตามฉัน” ว่าแล้วก็เป็นคนเดินคุมจังหวะ หญิงในอ้อมแขนแรกๆอาจเงอะงะ พอนานไปเธอเริ่มจับจังหวะได้ ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ อาจมีการก้าวผิดจังหวะเหยียบเท้าเขาบ้าง เขาก็ให้อภัย เพราะเธอเป็นศิษย์ที่เรียนรู้ได้ไว
“คุณเปรมคะ ดิฉันหิวน้ำค่ะ” เต้นได้พักใหญ่หญิงสาวก็เริ่มคอแห้งกระหายน้ำ ปรมินทร์หยุดเต้นรำแล้วโอบประคองเอวบางไปที่โต๊ะอีกครั้ง และหยิบยื่นแก้วไวน์ให้เธอ
“ดิฉันต้องการน้ำเปล่าค่ะ” พอเธอพูดอย่างนั้น เขาจ้องตาดุแสนเกรี้ยวใส่เธอทันที เธอกำลังขัดใจเขาสินะ
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอยอมรับแก้วไวน์มาจากเขา แล้วก็ปิดตาจ่อกรอกใส่ปากตัวเอง น้ำสีแดงอำพันไหลไปตามลำคอส่งความกระสันเดือดพล่านไปทั่วร่าง มันซาบซ่านจี๊ดจ๊าดไปทั้งลำตัว แล้วจู่ๆความมึนงงก็ทำหน้าที่แทน
“หัดดื่มริจะซด ไม่เมาก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะแม่คุณ ย้อมใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก” เธอยังนิ่งไม่ตอบเขา ก้มหน้างุด ตัวเริ่มจะโอนเอียง
“ไหวหรือเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วงมือก็พยุงร่างบางให้มาพิงอก อยู่ใกล้กลิ่นกุหลาบที่อยู่ในผิวกายเธออวลขึ้นเตะจมูก มันเป็นกลิ่นที่เขาปรารถนา ยิ่งเนื้อสาปอันหอมหวนของนวลนางด้วยแล้วความปรารถนาแล่นพล่านดีนัก
พุดซ้อนปรือตามองคนถาม เธอเห็นเขาเหมือนแยกร่างได้ เธอเห็นเขาเป็นสองคน ไม่เท่านั้นเธอยังเห็นว่าข้างหลังของเขามีปีกสีดำสยายขึ้นมา ปีกซ้ายข้างเดียว
“นายปีศาจ” แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงไป

กลับก่อนหน้า          หน้าหลัก          หน้าถัดไป
x

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เนตรสวรรค์สาปรัก

นำร่องสู่บ่วง

รักร้ายในโลกันตร์

ผลึกพยาบาท

บ่วง 2

จัดโปรโมชั่น E-book มาอีกแล้วค่ะ