บ่วง 2

พุดซ้อนตระหนกผวาตื่น ตาสะพรึงจ้องเงาในกระจก สาวชุดแดงสุดวาบหวิวในเงาสะท้อนหวนให้นึกถึงวันวาน ครั้งแรกเธอก็คอพับคออ่อนให้เขาโอบประคองซะแล้วดูไม่งามเอา จากคราวนั้นเธอก็ไม่แตะแอลกอฮอล์อีกเลย เพียงนึกถึงความขยาดก็วิ่งจี๊ดสู่ก้านสมอง เธอเกลียดสิ่งมึนเมาทุกชนิด พอย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนจะดับวูบอดฉงนไม่ได้ เธอเห็นเขาแผ่เงามืดพร้อมปีกสีดำ จินตนาการเธอช่างล้ำเลิศเสียจริงตาฝาดนึกเป็นตุเป็นตะ เธอไม่เก็บเอาไปคิดให้รกสมองหรอก ปล่อยไป สิ่งที่เห็นมันอยู่ในมโนสำนึกอันไร้สติ ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไร และมันก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น สายตาช่างชวนหาเรื่องเสียจริงนะพุดซ้อน ไร้สาระ
“นานเกินไปหรือเปล่า เธออาจไม่ชอบ แต่ฉันชอบ ออกมาเถอะ ก่อนที่ฉันจะห้ามไม่อยู่” เสียงห้าวทุ้มดังก้องให้เธอหลุดจากพะวง เธอคิดไปเรื่อย ชุดแค่นี้เธอไม่อายหรอก เธอไม่ได้ใส่บ่อยสักหน่อย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองกับชุดเรียบแสนวาบหวิว เขาปรารถนาให้เธอได้อยู่ในชุดสวาทเผยเนื้อหนังมังสาเพื่อจุดราคะเท่านั้น วันปกติเธอก็จะสวมชุดสุดเชย อยู่ในเตียงหน่อยก็เปลือยเปล่ามีเพียงผ้านวมผืนใหญ่พันธนาการยามอยู่ใต้ร่างเขาเท่านั้น เธอยอมตกเป็นเบี้ยล่างสนองตามใจ เขาเป็นนาย เธอเป็นทาส สักวันทาสคนนี้จะโดนปลด เธอรอคอยอิสระรอคอยวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เวลาที่ผ่านพ้นมันคร่าความสุขใจสบายใจไปเสียสิ้น เธอมันก็แค่สิ่งของไม่ใช่สมบัติมีราคาจะถือเอาไว้ได้ อะไรอดได้ก็ละไป อะไรยอมได้ก็ให้เสีย คุณสมบัติของผู้หญิงที่ผู้ชายสมัยใหม่พึงปรารถนาคือ
เป็นแม่หญิงโสภาสีกายผัว                                   เป็นแม่ตัวเพลี่ยงพล้ำหนึ่งใจหน
เป็นแม่ผลฟูมฟักอุ้มชูคน                                     เป็นแม่กลก้นครัวจวักปลาย
เป็นแม่เล้าศรีเรือนคู่เยือนเหย้า                              เป็นแม่เฝ้าเพื่อนมิตรชิดสหาย
เป็นแม่ฟ้าบ่ป้ายสาดสีใคร                                    เป็นแม่พายบ่ชักไฟเข้าท้องเรือ
สิ่งนี้กระมังที่จะทำให้เป็นยอดคู่ชู้ใจกันชั่วชีวิต คู่ชีวิตฉันสามีภริยา ทว่าไม่ใช่สำหรับพุดซ้อนกับปรมินทร์
พุดซ้อนหันไปต้องผงะ เขารออยู่หน้าประตู เขาเปิดได้อย่างไร ตะกี้เธอล็อกมันไว้นะ เอ๊ะ หรือเธอจะสะเพร่า
“ออกมา” ปรมินทร์สั่งเสียงเข้ม ตาคมจ้องเหยื่อคมปลาบอย่างหมายมาด เธอจะต้องถูกเขาฉีกพันธนาการอยู่ใต้ร่างเขา เธอต้องมอบความสุขให้เขา
พุดซ้อนเดินเข้าไปหาคนบัญชา เธอกับเขามีความสัมพันธ์กันอยู่บ่อยครั้ง ทว่าไม่ชิน สัมผัสสวาทในแต่ละคราเขามักจะกระทำจนเธอแทบจะลืมลมหายใจ อยู่ภายใต้อาณัติจนหลงลืมกาลเวลา มีครั้งหนึ่งเหตุเกิดตอนกลางคืนเข็มสั้นชี้เลขเก้าเข็มยาวชี้เลขสิบสอง พอเสร็จกิจ ตาเธอแทบถลน แม่เจ้าสิ่งรอบข้างเธอมันสว่างจ้า มองนาฬิกาอีกทีเข็มสั้นชี้อยู่ที่เลขหกเสียแล้ว เธอไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เหตุการณ์อย่างนั้นมันไม่ได้เกิดบ่อยหรอก พอฟ้าเปิดพระอาทิตย์ส่องแสงเธอก็ต้องลุกมาทำกิจประจำวันตามปรกติ ไม่น่าเชื่อเลย วันนั้นเธอไม่รู้สึกเหนื่อยสักกระผีก เป็นไปได้อย่างไร ความอัศจรรย์แปลกประหลาดมาทักทายเธอตามแต่โอกาส ทว่าเธอไม่เคยใส่ใจ อันไหนแปลกเธอมักไม่เก็บมาคิด ต่อให้คิดจนปวดสมองเธอคงไม่ได้คำตอบนั้น สู้อยู่เฉยหลับตาทำเป็นไม่รู้ยังจะดีกว่าอีก
“จะปีหนึ่งแล้วนะที่เราได้อยู่ด้วยกัน” ปรมินทร์เอ่ยทุ้มบอกคนในอ้อมกอด มือใหญ่ตวัดโอบร่างบางมาแนบอก มือไกล่เกลี่ยแก้มนวล
“อยากได้ของขวัญอะไรหรือเปล่าสาวน้อย” ทุ้มกระซิบ จมูกคมไซ้ขมับหน้าผากของร่างบาง
“คุณจำได้ด้วยหรือคะ” พุดซ้อนขมับชื้นเหงื่อ ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอแทบไม่รู้วันรู้เดือน จะปีแล้วอย่างนั้นหรือ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอทรมานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ คฤหาสน์หลังนี้ทำให้ลืมโลกข้างนอกทีละนิดๆ
“ถ้าขอได้ ฉันอยากกลับไปหาครอบครัวของฉัน” ใบหน้าบิดามารดา คุณย่าฉายชัด เธออยากกลับบ้าน
“ให้พวกเขาดูถูกเธอหรือ” ปรมินทร์พอรู้ ว่าสาวเจ้าในอ้อมอกนี้ไม่ใช่คนที่ถูกรักสักเท่าไร
“ฉันคิดถึงพวกเขา” น้ำเสียงติดสั่น เธอก้มหน้ามองอกแข็ง เธอแค่อยากส่งข่าวบอกคนที่บ้านว่าสบายดี
“ได้สิสาวน้อยแค่อาทิตย์เดียวพอนะ หลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปเที่ยว” พุดซ้อนผงะดันอกขึ้นมองปรมินทร์ด้วยสีหน้าแมวขี้สงสัย เขาหรือจะชวนเธอออกไปเที่ยวข้างนอก วันๆชีวิตเธอก็วนเวียนอยู่ในคฤหาสน์และสวนแมกไม้รอบคฤหาสน์เท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอไปเที่ยวข้างนอก
“ร้อยวันพันปีไม่เคยพาฉันไปเที่ยว นี่อะไรกันคะ”
“ไม่ดีหรือเที่ยวกับฉัน ไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสอง”
“ไม่ดีกระมังคะ เดี๋ยวผู้หญิงของคุณมาเขม่นฉัน” รูปร่างหน้าตาที่งดงามราวเทพบุตรลงมาจุติ ทำให้พุดซ้อนระแวง แม่สาวน้อยสาวใหญ่ของเขาต้องตาร้อนผ่าวกันแน่ ต่อให้เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงของเขา แต่บางคืนที่เขาร่วมหลับนอนด้วยเธอมักจะได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่เป็นกลิ่นน้ำหอมสำหรับผู้หญิงมาจากตัวเขา แน่นอนไม่ใช่กลิ่นของเธอแน่ เธอไม่เคยใช้น้ำอบน้ำปรุงเทือกนั้น หากเป็นของเขาก็ไม่ใช่ เพราะน้ำหอมติดกายเขาไม่ใช่กลิ่นนั้น เธอเป็นของเขาคนเดียว แต่เขาไม่ใช่ของเธอคนเดียว
“ไร้สาระ กังวลอะไรไม่เข้าเรื่อง ไปกับฉันไม่ต้องกลัวใครว่า”
“แต่ว่า ดิฉันไม่อยากไปค่ะ”
“ทำไม นัดใครไว้หรือ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันอยากอยู่บ้าน” พุดซ้อนยังคงมีเจตจำนงอย่างเดิม คำเชื้อเชิญเขาชวนใจกระตุก หากเธอยังมีเรื่องที่ต้องทำ
“เพราะพ่อเธอหาคนให้เธออยู่หรือ” พุดซ้อนช้อนมองตาเขม็ง เขารู้ รู้ได้อย่างไร คฤหาสน์แห่งนี้มอบความประหลาดมาให้หลายอย่าง เธอจะติดต่อกับคนภายนอกได้บ้างไม่ได้บ้าง บางวันดีก็ติดต่อสื่อสารได้ แต่บางคราวก็ไม่มีสัญญาณ เหมือนสัญญาล่มไปเฉยๆเสียอย่างนั้น อยู่กับปรมินทร์นั้นดีอย่างหนึ่งอยากได้อะไรเขาก็หามาให้ได้เกือบหมด รวมทั้งโทรศัพท์มือถือรุ่นสมัยนิยม เพียงเอ่ยบอกเขาก็จัดหาให้เป็นเครื่องที่ดีและแพงที่สุด อยากได้เพชรได้ทองพ่อเจ้าประคุณคงหามาให้ได้หมด ยกเว้นแต่เรื่องขอออกไปข้างนอก ตั้งแต่ที่เหยียบเข้ามาที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะให้เธอออกไปข้างนอก
“เอาที่ไหนมาพูดคะ”
“เรื่องส่วนตัวของเธอฉันรู้หมดล่ะ ฉันอุปการะน้องสาวเธออยู่นะ ควรจะรู้ว่าจะพูดกับพ่อยังไง ถ้าไม่ถูกใจฉัน น้องสาวเธอตกอยู่ในสภาพเดียวกับเธอแน่” พุดซ้อนใจเต้นรัวเพราะหวาดกลัว เขาขู่มิใช่แค่ข่มให้เสียขวัญ เขาทำจริงแน่ มะลิน้องสาวสุดที่รักของเธอจะต้องได้ดีกว่าเธอ เธอไม่ยอมให้น้องสาวมาตกนรกทั้งเป็นอย่างเธอเด็ดขาด
“ดิฉันจะตอบปฏิเสธค่ะ”
“เธอนี่กระไร ชอบให้ฉันขู่อยู่เรื่อย อยู่มานานก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบคนขัดใจ” เอ่ยอย่างอ่อนใจกับคนแสนดื้อ เขาไม่ชอบคนขัดใจอย่างเธอ เธอก็ไม่ชอบคนเอาแต่ใจอย่างเขาด้วยเช่นกัน
ปรมินทร์โอบอุ้มร่างแน่งน้อยมาแนบอก หัวใจพุดซ้อนอุ่นวาบสัมผัสอันคุ้นเคย กลิ่นกายเขาหอมกรุ่น อกแกร่งนวลเนียนไร้อาภรณ์ห่อหุ้มพอโดนแก้มนวลมันก็จั๊กจี้ถึงทรวง มือใหญ่ช้อนขาพับ ผ้าซาตินสุดวาบหวิวอวดโชว์นวลขาชายกระโปรงร่นขึ้นเผยโน้มเนื้อสะโพกอิ่ม เขาเป็นบุรุษร่างหนาสูงโปร่งอย่างชายตะวันตก หน้าตาผิวพรรณส่อให้เห็นถึงความลำเอียงของธรรมชาติ หล่อเหลาเอาการ เขาเป็นลูกผสมเชื้อไทยครึ่งหนึ่งเชื้อฝรั่งครึ่งหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำเงินครามวาวโรจน์มาก็กลายเป็นสีมรกต ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปตามอารมณ์และตามสภาพแวดล้อมภูมิอากาศราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี เท้าใหญ่สัมผัสพื้นพรมแผ่วเบา คนในอกไม่รู้ถึงสัมผัสการขับเคลื่อน มันเบาหวิวละมุนอ่อนนุ่มเสมือนคนเดินเท้าไม่ติดพื้น เหมือนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกอันอ่อนนุ่มละมุน
“ทิวาน้องพี่” เสียงกระเส่าผาดแผ่วใจคนร่างบางกระตุกวูบ ความงดงามมลายหายไป ความอดสูมาแทนที่ เธออดมานานนมเธอจะไม่อดอีกแล้ว
“คุณเปรมคะ ดิฉันไม่ใช่ทิวา ไม่ใช่เธอคนนั้นผู้หญิงของคุณ”
“หุบปาก” อีหรอบเดิมพอเธอค้าน เขาจะเบ่งอำนาจมัดปากเธอเสมอ แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมอยู่นิ่งอยู่เฉย เท้าเล็กดิ้นตีถีบบนอากาศ มือกำไหล่แกร่งพร้อมดันตัวหมายจะหลุดจากพันธนาการ
“ดื้อ” เสียงเข้มดุตวาดใส่ ทิ้งร่างเธอลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวลุกลนยันตัวลุกหนี ตัวคลานมือจับขอบเตียงกำลังจะตวัดเท้าแตะพื้นก็ต้องผวา
“จะหนีไปไหนทิวาของพี่” เขาจับหมับที่ข้อเท้าของเธอ ลากเธอมานอนคร่อมบนเตียง หญิงสาวร้องไม่ออกดิ้นไม่ทัน เธอก็ถูกเขาส่งลำกายแทรกซุกร่องทางด้านหลัง เขาพุ่งแทงใส่ไม่ให้โอกาสเธอเตรียมพร้อม แอ่งขาดน้ำพอเจอสิ่งรุกล้ำมันก็ถลอกชอกช้ำ เธอแสบสุดทรวง ต้องนิ่วหน้าข่มกลั้นความเจ็บช้ำเปล่งเสียงหวานไพเราะเอาใจคนใจร้าย
“คุณเปรมขา ทิวาเจ็บได้โปรดเมตตาทิวาด้วยเถอะค่ะ”
“อย่ามาสำออย เธอไม่ใช่ทิวา หันหน้ามา” เจ็บกายระกำใจ เธอจำต้องเอี้ยวหน้าแอ่นหลังหันไปหาคนข้างหลัง เขาคร่อมเธอ ตัวเขาอยู่บนสะโพกมน ชุดวาบหวิวเลิกขึ้นมาอยู่บนแผ่นหลังอวดโชว์เนื้อกลมนิ่มสองลูกที่กำลังเด้งรับจังหวะ เขามันใจร้ายไม่อนาทรเธอบ้างเลย
มือใหญ่บีบคางช้อนหน้าให้เงยขึ้นก่อนจะส่งลิ้นร้ายมาพลิกพลิ้วเล่นลิ้นกับเธอ ไร้ความอ่อนโยนมีแต่ความกักขฬะราวกับอดอยาก มืออีกค้างโอบกอดหน้าท้องแบนราบดึงร่างเธอขึ้นมา แล้วเธอก็อยู่ในท่าคลานคุกเข่า เขาละออกจากการฉกชิม หันมาจับสะโพกนิ่มของเธอตีกระหน่ำไม่ลดรา หัวเข่าเสียดสีกับเบาะนิ่มเกิดรอยแดงปื้นจากการกระทำอันจาบจ้วง สะโพกกระทบกับหน้าขาดังแปะๆ เกมราคะก่อบังเกิดโดยพลัน หน้าท้องบิดแขม่วภายในตอดรัดร่างใหญ่ยอมหยุด และแล้วตัวเธอก็กระตุกดอดแตะสวรรค์ เขาที่ยังไม่ทันถึงก็จำถอนออกมามันก็แค่การสั่งสอนคนอวดดี กล้าแทนตัวเองว่าเป็นคนรักของเขาได้อย่างไร เธอไม่คู่ควร ไม่เหมาะที่จะเป็นเธอคนนั้น
“สาวน้อย เธอไม่ควรอวดดีกับฉัน”
“ฉันไปอวดดีอะไรคะ” เธอถามพลางหุบขาก้มหมอบ ใบหน้านวลก็แนบติดกับเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง เจอเกมแรกใจของเธอก็อ่อนล้า เธอไม่อยากคิด เกมต่อไปใจคงสิ้นมลาย
ปรมินทร์หมั่นเขี้ยวตี เผี๊ยะ ลงบนสะโพกมน มันนิ่มและหยุ่นมือดี ดูเถอะจะยั่วราคะกันถึงไหน น้ำหวานชโลมไหลเปรอะตามง่ามขาลามมาร่องก้น นิ้วใหญ่จิ้มแตะแทนที่พร้อมคว้านหยอกเย้าช่อน้ำหวาน
“ฉันเป็นผัว เธอเป็นเมีย เธอควรจะเคารพผัว ไม่ใช่ก้าวร้าวดื้อด้านอย่างนี้” กล่าวอย่างสั่งสอนคนอายุน้อยให้รู้จักหน้าที่
“ดิฉันไม่เคยก้าวร้าว” ในเมื่อเธอไม่ผิด เธอก็ต้องรักษ์สิทธิ์ตัวเองไว้
“นั่นแน่ะ เถียงคำไม่ตกฟาด ฉันไม่ชอบเลยจริงๆ”
“ก็อย่ามายุ่งสิคะ”
“พุดซ้อน” นานครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเธอ เรียกแบบนี้แสดงว่ากำลังโมโห
“ฉันไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของคุณ ฉันไม่ใช่เมียคุณ ฉันเป็นแค่คนของคุณเท่านั้น”
“หาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว เมื่อไรจะเชื่อฟัง”
“แล้วเมื่อไรคุณจะปล่อยฉันไปคะ”
“ปล่อยเธอแล้วเอาน้องเธอแทนอย่างนั้นหรือเปล่า” ปากถามยิ้มหวาน คนฟังสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นตาขมึงใส่คนพูดยัวะอย่างเอาเรื่อง
“อย่ามายุ่งกับน้องสาวของฉัน” ตะเบ่งอย่างเกรี้ยวตาแดงก่ำเมื่ออีกคนพยายามจะเอาของสุดรักมาเอี่ยว
“สั่งคนไปฆ่าไอ้นั่นดีไหม” ไอ้นั่น ตาเธอยิ่งลุกวาว
“ก่อนจะฆ่าก็เล่นเกมทรมานก่อน ตัดนิ้วมันทีละนิ้วอย่างช้าๆ แล้วก็ตัดแขนตัดขามันทีละข้าง ฟังมันร้องโหยหวนสักหน่อยต่อจากนั้น...”
“หยุด พอแล้ว อย่าไปยุ่งกับพวกเขา ยอมแล้วฉันจะเชื่อฟังคุณ”
“คำพูดเธอมันน่าเชื่อถือแค่ไหน สาวน้อย”
“คุณให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่คุณอย่าไปยุ่งกับพวกเขา”
“ปกป้องกันจริง” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มแสยะ ไอ้นั่นของเธอ ไม่เห็นว่าจะสนใจเธอสักนิด
“หนูขอนะคะ คุณอยากได้อะไรหนูให้ทุกอย่าง ขอร้องอย่าทำให้พวกเขาเดือดร้อน”
“ฉันควรให้โอกาสเธออีกหรือ ทุกครั้งเธอมักจะพยศกับฉันแล้วเธอก็อ้อนวอนขออย่างนี้ทุกที ฉันให้โอกาสเธอมากี่ครั้งแล้วนะ”
“ต่อให้หนูพยศ หนูก็ไม่เคยมีคนอื่น”
“อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ ฉันเลี้ยงเธอไม่ดีหรือไรถึงอยากไปจากฉัน อยากได้อะไรก็บอกมาสิ ฉันจะหาให้ เธออยากได้แค่ไหนฉันก็หาให้ได้ เพียงแค่เธอบอกมา”
“สิ่งที่ฉันอยากได้ คุณคงไม่มอบให้ฉัน”
“อะไรล่ะสาวน้อย”
“ฉันอยากไปจากที่นี่ ไปจากคนอย่างคุณ ไปอยู่กับคนที่ฉันรัก”
“ไม่ง่ายหรอก เธอเป็นคนของฉันแล้ว ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไม่สิทธิ์” และนั่นเป็นประกาศิตที่ทำให้พุดซ้อนต้องสยบ เธอยังคงติดบ่วงของเขา เป็นบ่วงแห่งมารที่พันธนาการทั้งกายและใจเธอไว้ในคฤหาสน์หลังนี้ คฤหาสน์ที่ใครก็ไม่อาจล่วงพ้นเข้ามาได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ








กลับก่อนหน้า          หน้าหลัก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เนตรสวรรค์สาปรัก

นำร่องสู่บ่วง

รักร้ายในโลกันตร์

ผลึกพยาบาท

บ่วง 1

จัดโปรโมชั่น E-book มาอีกแล้วค่ะ